ฟิลเลอร์ (Filler) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยเเก้ไขปัญหารูปหน้าได้ดี เนื่องจากการ ฉีด Filler คือเติมเต็มสาร Hyaluronic เข้าผิวหน้าในส่วนที่หายไปให้กลับมาดูละมุน ดูอ่อนเยาว์ ดูสดใสยิ่งขึ้น แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะมีข้อสงสัยหรือคำถามเกิดขึ้นมาในหัวมากมาย ควรฉีดกี่ซีซีถึงจะดี กี่วันถึงจะเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน หรือใครบ้างที่ไม่ควรฉีด เพราะทุกวันนี้เราก็เห็นข่าวมากมายเกี่ยวกับอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ของปลอม ฟิลเลอร์แข็ง ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล บางคนโชคร้ายเกิดเลือกหมอผิดชีวิตเปลี่ยน ไปฉีดกับหมอกระเป๋าหรือคลินิกที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ไม่มีความชำนาญ ฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง จนตาบอดกันมาแล้วก็มี ดังนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อสงสัยเรื่องฟิลเลอร์ ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
ฟิลเลอร์ เติมเต็มจุดไหนดี? ช่วยเรื่องอะไร?
- คาง ปัญหาคางสั้น คางตัด เป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าเราดูกลม ไม่มีมิติ เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป รูปหน้าจะดูเรียว V-shape ได้สัดส่วนที่ดีมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ดีไม่เเพ้การผ่าตัดเสริมคางเลยทีเดียว
- ปาก ปัญหาปากบาง ปากไม่มีกระจับ ปากไม่เป็นทรง ทาลิปไม่สวย เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป หลังทำเสร็จทันที ปากจะดูอวบอิ่ม กระจับชัด มุมปากยก หน้าเราก็จะดูหวาน เวลายิ้มมีเสน่ห์มากขึ้น
- ใต้ตา อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือปัจจัยต่างๆในการใช้ชีวิต เช่น การนอนดึก การเป็นภูมิแพ้ เป็นสาเหตุทำให้กระดูกใต้ตายุบตัวลง เนื้อบริเวณใต้ตาจะมีความหย่อนคล้อย ความหมองคล้ำ หน้าโทรมดูเหนื่อย เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป ใต้ตาจะอิ่มฟูขึ้นทันที หน้าดูสดใส ดูเด็กลงอีกด้วย
- ขมับ ขมับตอบ เป็นสาเหตุทำให้หน้าดูแก่ ดูโทรม เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไปสัดส่วนของรูปหน้าจะดูละมุนมากขึ้น ถือเป็นจุดเสริมโหงวเฮ้งด้านการค้าขาย การงานได้อย่างดีเยี่ยม
- ร่องแก้ม ร่องแก้มลึกเป็นสาเหตุทำให้เราดูแก่กว่าวัย เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป นอกจากจะได้ความหน้าอิ่มฟู ยังได้ความหน้าเด็กเพิ่มมากอีกด้วย
- เเก้มส้ม ปัญหาหน้าเเบน ไม่มีเเก้ม หน้าไม่มีมิติ เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณหน้าเเก้มจะสามารถปรับเปลี่ยนจุดกระทบของเเสงที่ตกลงบริเวณโหนกแก้ม ให้เเสงเปลี่ยนมาตกกระทบลงที่หน้าแก้มหรือครึ่งกลางตา ซึ่งจะทำให้หน้าดูละมุน ดูเกาหลีมากยิ่งขึ้น
- แก้มตอบ ส่งผลให้หน้าโทรม ดูแก่กว่าวัยเพราะเนื้อบริเวณเเก้มยุบตัวลง เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป จะช่วยให้ใบหน้าเราดูเอิบอิ่ม สดใส ผิวไม่หย่อนคล้อย เเถมช่วยลดความเด่นของโหนกเเก้มได้อีกด้วย
- กรอบหน้า เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไป ใบหน้าของเราจะได้รูปมากขึ้น กรอบหน้าชัดได้สัดส่วนที่ดีขึ้น เเละยังช่วยเรื่องกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าให้กลับมาดูเต่งตึง
- ผิวหน้า หรือ Skin Radian ปัญหาผิวหน้าโทรม ผิวขาดน้ำ หน้าไม่มีมิติ เมื่อเติมเต็มฟิลเลอร์ผิว ใบหน้าจะดูเปล่งประกาย ออร่า ผิวโกลด์ ฉ่ำวาว มี hilight ธรรมชาติ เเบบไม่ต้องเสียเวลาเเต่งหน้านานๆ
ฟิลเลอร์ เติมจุดไหนยี่ห้ออะไร? กี่ซีซีดี?
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
ควรฉีดยี่ห้อ BELOTERO FILLER SOFT คุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์ที่มีสารอุ้มน้ำช่วยทดเเทนคอลลาเจนบนใบหน้าที่หายไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะที่จะใช้เติมใต้ตาจะทำให้ใต้ตาไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน เนียนละมุน กลืนเข้ากับผิวได้เร็ว โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 1-2 cc
2. ฟิลเลอร์ขมับ
ควรฉีดยี่ห้อ Juvederm Voluma เนื่องจากลักษณะโมเลกุลมีความคงตัว จึงเหมาะที่จะนำมาเติมบริเวณที่แข็งๆ โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 1-4 cc
3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ควรฉีดยี่ห้อ Juvederm Ultra Plus เนื่องจากลักษณะโมเลกุลมีความนุ่ม ฟู สามารถเติมเต็มร่องต่างๆ ได้ดี ซึ่งจะทำให้ใบหน้าเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 1-4 cc
4. ฟิลเลอร์แก้มส้ม
ควรฉีดยี่ห้อ Juvederm Ultra Plus เนื่องจากลักษณะโมเลกุลมีความนุ่ม ฟู สามารถเติมเต็มแก้มให้อิ่มเต็มขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ หรือใบหน้าไม่มีมิติได้ โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 2-4 cc
5. ฟิลเลอร์ปาก
ควรฉีดยี่ห้อ BELOTERO FILLER INTENSE คุณสมบัติเป็นฟิลเลอร์ที่มีสารอุ้มน้ำช่วยทดเเทนคอลลาเจนบนใบหน้าที่หายไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะที่จะใช้เติมปากให้อิ่มสวย ได้รูปทรงที่ต้องการ จะทำให้ปากไม่ดูแข็ง ไม่เป็นก้อน อวบอิ่มกำลังดี โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 1-2 cc
6. ฟิลเลอร์คาง
ควรฉีดยี่ห้อ Juvederm Voluma เนื่องจากลักษณะโมเลกุลมีความคงตัว สามารถปั้นคางให้เป็นทรงต่างๆ ตามความเหมาะสมได้ จึงเหมาะที่จะนำมาเติมบริเวณที่แข็งๆ โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อยู่ที่ 1-2 cc
ฟิลเลอร์ กี่วันถึงเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์นั้นจะเห็นได้ทันทีหลังฉีด โดยฟิลเลอร์จะอิ่มเต็มที่เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ส่วนเรื่องระยะเวลาที่เห็นผลนั้นจะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดของคนไข้ และที่สำคัญคือยี่ห้อที่ใช้ฉีด ดังนี้
- Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกา ที่หลายๆคนรู้จักกันและนิยมใช้กัน จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี
- Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ราคาไม่แพง จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี
- Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลี จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน โดยทางคลินิกเลือกใช้ คือ รุ่น Deep
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
- สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- หากเป็นไปได้ในวันฉีดควรล้างเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดใบหน้าก่อนพบแพทย์
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- งดการออกกำลังกายหนักๆ รวมถึงการให้ใบหน้าโดนความร้อนโดยตรงเช่น การอบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น การนวดหน้าด้วยความร้อน เป็นเวลส 2 สัปดาห์
- งดการบีบ นวด กด ใบหน้าแรงๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไปจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปผิดรูปได้ ทั้งนี้การปั้นฟิลเลอร์นั้นจะมีเพียงแพทย์ที่ทำการฉีดเป็นผู้ปั้นทรงให้ได้เท่านั้น
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เป็นเวลา 3-7 วัน
- ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูยิ่งขึ้นและอยู่ได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 วันแรกหลังฉีดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด
ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ต่างกันยังไง?
ทั้ง 2 สิ่งนี้อยู่คู่กับสาวๆมานาน แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจในความแตกต่างของ โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันค่ะ
- ผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ของ โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ มีความแตกต่างกัน อย่างที่กล่าวมาคือโบท็อกซ์จะช่วยในการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดย่น ให้กลับมาเรียบเนียนตึงได้อีกครั้ง โบท็อกซ์จึงเปรียบเสมือนเตารีด ส่วนการฉีดฟิลเลอร์เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน และเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปให้ดูสมส่วนและมีมิติยิ่งขึ้น
- ตำแหน่งที่ฉีด โบท็อกซ์สามารถฉีดได้หลายจุด ดังนี้
- ลดกราม
- ลิฟท์กรอบหน้า
- ลดน่อง
- ลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ มือที่เหี่ยว
- บริเวณใต้วงแขนเพื่อลดกลิ่นกาย